นายดาร์เรลล์ อดัมส์ หัวหน้าประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย บริษัท ยูนิเวอร์ซัล โรบอท กล่าวว่าโรงงานในปี ค.ศ. 2035 หรือ พ.ศ. 2578 จะแตกต่างจากโรงงานในปัจจุบันอย่างมาก นับตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกที่นำเครื่องจักรกล พลังงานน้ำ และพลังงานไอน้ำเข้ามาใช้ขับเคลื่อนการทำงานอัตโนมัติแทนที่คน เครื่องจักรเข้ามารับงานที่เพิ่มมากขึ้น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในแต่ละด้านตั้งแต่คอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์ไปจนถึงอินเตอร์เน็ต ล้วนเป็นส่วนขับเคลื่อนสำคัญให้เกิดระบบการทำงานอัตโนมัติ แม้ว่าความก้าวหน้าของเทคโนโลยียังคงสำคัญ แต่แนวโน้มของ "การสัมผัสของมนุษย์" (Human Touch) ก็เป็นความต้องการในโรงงานในปี 2578 ด้วยเช่นกัน

คน เครื่องจักร และความกลัว
ปัจจุบันความสามารถของอินเตอร์เน็ตในยุค "อุตสาหกรรม 4.0" รวมถึงหุ่นยนต์ที่กำลังเติบโตและเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อกัน ก่อให้เกิดความหวาดกลัวใหม่ที่เชื่อว่า เทคโนโลยีกำลังเข้ามาทดแทนแรงงานมนุษย์ และเมื่อพิจารณาจากอุตสาหกรรม 4.0 แล้ว ก็จะเห็นได้ว่า หุ่นยนต์กำลังแบกรับปัญหาจากความเชื่อล่าสุดที่ว่า "เทคโนโลยีกำลังแทนที่เรา" ด้วยเช่นกัน ผู้คนต่างเข้าใจผิดว่าเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ และหุ่นยนต์เข้ามาคุกคามการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ซึ่งจริงๆ แล้ว ระบบอัตโนมัติไม่ได้เขามาแทนที่งาน แต่ช่วยสร้างงานใหม่ๆ ขึ้นมาต่างหาก
จากบทความเมื่อเร็วๆ นี้ ของฮาร์วาร์ด บิซิเนส รีวิว (Harvard Business Review) เรื่อง งานอัตโนมัติ ได้ระบุว่า 20% ถึง 80% ของงานที่ได้รับมอบหมายมีระบบอัตโนมัติเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ไม่มีงานใดที่เป็นอัตโมมัติได้ 100% ซึ่งหมายความว่า แม้จะมีความก้าวหน้าเพียงใด หุ่นยนต์ก็จะยังไม่สามารถแทนที่มนุษย์ได้อย่างสิ้นเชิง โดยความเป็นจริงแล้ว หุ่นยนต์ได้เข้ามาช่วยเพิ่มความสามารถในการผลิตและส่งเสริมให้บริษัทต่างๆ จ้างคนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นหุ่นยนต์จึงเป็นตัวช่วยในการสร้างงานไม่ใช่กำจัดงาน